ปากเหม็นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น !!!
ตอนเด็กๆ ใครเคยโดนเพื่อนล้อว่าปากเหม็นกันบ้าง ?
แล้วจำความรู้สึกตอนนั้นได้ไหมว่าเป็นยังไง หมอเชื่อว่าร้อยทั้งร้อย เราจะรู้สึก “อาย”
ถ้าใครที่หัวไว แก้ไขสถานการณ์เก่งหน่อย ก็พอจะหัวเราะกล้อมแกล้มเนียนๆ ไปได้ แต่หมอเข้าใจนะคะ ว่าในใจลึกๆ ไม่มีใครชอบหรอกที่ถูกล้อแบบนี้ มันหมดความมั่นใจไปเลย แถมหลายๆ คนที่โดนล้อหนักเข้า ก็เสียความมั่นใจจนบุคลิกภาพเสียไปด้วยก็มี มันกระทบเยอะในหลายๆ ด้านของคนๆ นั้นเลยล่ะ
พอมาถึงวัยที่เราโตขึ้น “กลิ่นปาก” ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะมาล้อเลียนเฮฮากันแบบเมื่อก่อนแล้ว ลองนึกภาพตามนะคะ ว่าถ้าคนที่เรากำลังคุยอยู่ ไม่ว่าจะเป็น คนที่แอบชอบ, HR ที่กำลังสัมภาษณ์งานของเราอยู่, ลูกค้าที่กำลังจะตกลงเซ็นสัญญาสำคัญๆ เกิดมีกลิ่นปากขึ้นมา เราจะทำยังไง เราจะเลือกแบบไหน ?
- เตือนทันที ก็เกรงว่าถ้าไม่ได้สนิทมากพอ หรือถึงจะสนิทกันมาก ก็ยังไม่ค่อยกล้าพูดอยู่ดีนั่นแหละ ถ้าพูดออกไปนี่มีหวังได้วางตัวกันไม่ถูกทั้งคู่ แถมมันก็ออกจะดูผิดกาลเทศะไปหน่อย อารมณ์แบบ…มันใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องนี้ไหมเนี่ย!?!
- เก็บเงียบ ไม่กล้าบอกเพราะเกรงใจ ปล่อยให้บทสนทนาดำเนินต่อไปแล้วบอกตัวเองในใจให้ทนๆ เอา คิดว่าส่วนใหญ่คงจะเลือกวิธีนี้นี่แหละ เพราะถึงจะไม่ใช่การแก้ปัญหา(กลิ่นปาก)ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้สถานการณ์มันเลวร้ายลงกว่าที่เป็นอยู่
คือ 2 ตัวเลือกนี้ไม่มีอันไหนดีเลยค่ะ ถ้าเลือกได้ก็ขอไม่เจอดีกว่า แล้วทีนี้ลองมาคิดกันเล่นๆ นะคะ ว่าถ้าเกิดเรากลายเป็นคนที่มีปัญหา “ปากเหม็น” ซะเองล่ะ จะทำยังไง?
ถ้าเรากลายเป็นคนที่มีกลิ่นปากซะเอง ต่อให้ยังไม่ทันจะได้ไปคุยกับใคร ใจมันก็ฝ่อไปหมดแล้วค่ะ ความมั่นใจไม่มีเหลือแล้ว ถ้าเป็นตอนเด็กๆ เต็มที่ก็แค่โดนล้อ แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เรื่องของกลิ่นปากนี่พูดกันยากถึงขั้นที่เรียกว่า ต่อให้สนิทกันแค่ไหน มาเตือนก็ยังเคืองเลยค่ะ เพราะฉะนั้น “กลิ่นปาก” ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น จริงๆ นะ
แล้วต้องทำยังไง ถึงจะไม่มีกลิ่นปาก ?
ในวันๆ หนึ่ง เคยสังเกตตัวเองกันไหมคะ ว่าเราดูแลปากและฟันของตัวเองยังไงกันบ้าง ถ้ายังไม่เคยลองสำรวจตัวเองอย่างจริงจัง เรามาเริ่มสำรวจไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ
- เราเป็นคนกินเร็วหรือเปล่า? เพราะการเคี้ยวอาหารเร็วเกินไปทำให้อาหารไม่ย่อย และเกิดกลิ่นปากได้
- พิสวาทอาหารรสแซ่บ จัดจ้าน เครื่องเทศแบบเข้มถึงใจ เช่น ส้มตำ ยำแหนม กับแกล้มที่พ่วงผักกลิ่นแรงอย่างผักชีลาว ข้าวคลุกกะปิ ฯลฯ อาหารที่มีเครื่องเทศกลิ่นแรง หรือแม้ส่วนผสมเล็กน้อยอย่าง กระเทียม หอมหัวใหญ่ พวกนี้ก็เป็นตัวการของกลิ่นปากได้อย่างดีเลยค่ะ ก่อนเลือกทานอาหารในวันที่มีนัดสำคัญๆ อย่าลืมเช็คนะคะ ว่าอาหารที่เราสั่งมีอะไรที่ฉุนๆ กลิ่นแรงๆ บ้างไหม
- ขี้เกียจแปรงฟัน ชอบลืมแปรงฟันอยู่บ่อยๆ
- ดื่มสุรา สูบบุหรี่ ข้อนี้ขอยกให้เป็นแชมป์สาเหตุอาการปากเหม็นเลยค่ะ ถึงขนาดที่บริษัท ซุปเปอร์ดักส์ จำกัด ประเทศอังกฤษ สำรวจออกมาเรียบร้อยแล้วจากจำนวน 3,000 คน ว่าบุหรี่นี่แหละ แชมป์เปี้ยนเรื่องกลิ่นปากตัวจริง
แล้วจะทำยังไงดี ถ้ามีกลิ่นปาก ?
เรื่องนี้ง่ายมากเลยค่ะ ถ้าเราเช็คตัวเองเรียบร้อยว่าเรามีเรื่องไหนที่ทำให้ปากเหม็น ก็แค่ทำตัวตรงกันข้ามจากที่เคย ง่ายๆ เท่านี้เอง วิธีการน่ะ หมอบอกเลยว่าไม่อยาก แต่ความใส่ใจและวินัยที่ต้องทำทุกวันนี่สิ ยากกว่าเยอะ
- ถ้าเป็นคนกินไว เคี้ยวไว กลืนไว ก็ลดสปีดในการเคี้ยวของตัวเองลงมาหน่อย คือในชีวิตจริงคนเรามันถูกบีบด้วยเวลา ไหนจะพักเที่ยงที่มีแค่ชั่วโมงเดียว ไหนจะต้องรีบไปทำนั่นทำนี่ จะให้มัวมานั่งนับเคี้ยวให้ครบ 30 ครั้งค่อยกลืนก็ดูจะเป็นไปได้ยาก เคี้ยวแบบนี้มีหวังวันๆ ไม่ได้ทำอะไรกันพอดี ดังนั้นหมออยากลองให้ทุกคนค่อยๆ ลองใช้วิธีเคี้ยวให้นานกว่าเดิมทีละนิดๆ อาจจะยังไม่ต้องนับจำนวนการเคี้ยวก็ได้ค่ะ แต่ขอให้ใช้เวลากับมันในนานกว่าเดิมนิดนึง ค่อยๆ ทำให้ตัวเองชินกับการเคี้ยว แล้วเราจะปรับตัวได้เองในที่สุด
- ชอบกินอาหารรสจัด ก็ต้องมีตัวช่วยในการดับกลิ่นปาก หลายๆ คนนิยมอาหารรสจัด ชนิดที่ว่าแซ่บลื้มมมม… แต่รู้ไหมคะว่าอาหารที่แซ่บลื้มมมม..นี่แหละตัวดีเลยที่ทำให้เรามีกลิ่นปาก ถ้ารักที่จะทานอาหารแนวนี้จริงๆ อย่าลืมพกตัวช่วยในการดับกลิ่นปากหลังทานอาหารเสร็จติดกระเป๋าเอาไว้ด้วย ทานเสร็จแล้วก็จะได้มั่นใจว่ายังไงก็ไม่มีกลิ่นปากแน่นอน
- ถ้าขี้เกียจแปรงฟัน ก็ทำตัวให้ขยันๆ ซะ มันไม่ยากเลย การดูแลช่องปากขั้นพื้นฐานเราทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องของการแปรงฟันเช้า-เย็น การแปรงลิ้น การใช้น้ำยาบ้วนปาก ใช้ไหมขัดฟัน ไปหาทันตแพทย์ทุก 6 เดือน ฯลฯ แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมานี้ มีใครทำครบบ้าง? ถ้าใครยังทำไม่ครบ ต้องค่อยๆ เริ่มปรับพฤติกรรมการดูแลช่องปากตัวเองใหม่นะคะ ไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อสุขภาพช่องปากที่ดีของเราเอง แถมสิ่งที่ได้เพิ่มเติมกลับมาคือ “วินัย” ให้ตัวเองล้วนๆ
- ดื่มสุรา สูบบุหรี่ พอเดินทางมาถึงข้อนี้ ถ้าให้เลิกเลยทันทีก็คงยาก แต่เมื่อมองในระยะยาวไกลออกไปอีกหลายปี ถ้าเลิกได้มันก็มีผลดีหลายข้อเลยนะ ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องของกลิ่นปากอย่างเดียว แต่หมอเข้าใจค่ะว่า ”ของมันเลิกยาก” ก็ต้องค่อยๆ ให้เวลากับตัวเองลด ละ เลิก กันนานสักหน่อย เชื่อเถอะค่ะ ว่าในวันที่ทำสำเร็จ มากกว่าเรื่องของกลิ่นปากที่จะกลับมาหอมสดชื่นและสุขภาพร่างกายแข็งแรง ก็คือ “ความภูมิใจ” ที่เราทำได้สำเร็จ ใครที่กำลังจะเลิกเหล้าเลิกบุหรี่อยู่ หมอเป็นกำลังใจให้นะคะ
รู้หรือไม่ กลิ่นปากบอกโรคอะไรได้บ้าง?
- โรคฟันผุและเหงือกอักเสบ
- โรคต่อมทอลซินอักเสบ
- โรคไซนัสอักเสบ
- โรคลิ้นหัวใจอักเสบ
- การติดเชื้อจากปอด หลอดลม ไตวาย ตับวาย โรคมะเร็งต่างๆ
- ฯลฯ