ใน การเข้าร่วมสังคม ไม่ว่าจะเพื่อการทำงาน หรือไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ บุคคลิกภาพ และภาพลักษณ์นับเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ บุคคลที่ได้พบปะเจอะเจอกัน มารยาท การวางตัว และการรู้จักกาลเทศะ เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ ในทำนองเีดียวกัน เสื้อผ้า หน้าผม การรักษาความสะอาดของผิวพรรณ รูปร่างกายตลอดจนสุขภาพในช่องปาก ก็เป็นสิ่งที่เราผู้เป็นเจ้าของร่างกายตนเองสามารถจัดการให้ดูดีอยู่ตลอด เวลาได้
สี ฟันนั้นนับเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรอยยิ้มที่จะเข้าไปพิมพ์อยู่ในใจให้คู่ ร่วมสนทนาของเราเกิดความประทับใจได้ตั้งแต่แรกพบ (แน่นอน รวมถึงกลิ่นปากด้วย) แต่ด้วยวัยที่มากขึ้น และการรับประทานอาหารต่าง ๆ ที่มีสี เช่น แกงเขึยวหวานของโปรด ไวน์แดงรสเลิศ หรือโคล่าที่แสนชื่นใจ ตลอดจนการสูบบุหรี่ การดื่มชา กาแฟ ซึ่งถือเป็นการพาตัวเข้าไปเกียวข้องกับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้สีของฟันเข้ม ขึ้นโดยธรรมชาติ เพราะสารที่เคลือบฟันไว้สามารถติดสีต่าง ๆ ที่สัมผัสได้ตลอดเวลา
หาก นับเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง ที่กระบวนการฟอกสีฟันได้มีการพัฒนาขึ้นมาด้วยเทคนิคที่หลากหลายให้เหมาะสม กับสภาพการเปลี่ยนแปลงของสีฟัน และลักษณะการดำรงชีวิตของคนเรา
Cool Light Teeth Whitening เป็นกระบวนการฟอกสีฟันภายในคลินิก (ซึ่งสาระสำคัญคือการใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง จึงจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของทันตแพทย์) เป็นการกระตุ้น สารสำัคัญในเจลฟอกสีฟันด้วยแสงเย็น ในระบบ LED whitening system ซึ่งในปัจจุบัน สามารถให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจได้เทียบเคียงกับการใช้แสงเลเซอร์สำหรับฟอกสี ฟัน แต่มีอาการเสียวฟันน้อยกว่าอย่างมีนัยยะสำคัญ และที่สำคัญ ใช้เวลาเพียง 30 นาที่เท่านั้น ในกระบวนการฟอกสีฟัน ( และอีกประมาณ 7 นาที สำหรับการเตรียมช่องปาก และอีก 7 นาทีสำหรับการเคลียร์ช่องปากเมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการ)
การฟอกสีฟันนั้น แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ การฟอกสีฟันในคลินิก และการฟอกสีฟันที่บ้าน
โดย ความแตกต่างนั้นอยู่ที่ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสีฟัน คือการฟอกสีฟันภายในคลินิกนั้น จะใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ซึ่งมีอันตรายหากได้สัมผัสกับผิวหนังภายในช่องปาก หรือริมฝีปาก จึงจำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของทันตแพทย์อย่างใกล้ชิด เพราะหากเกิดการสัมผัสกันระหว่างน้ำยาฟอกสีฟันและผิวหนัง ทันตแพทย์จะมีวิธีการช่วยบรรเทาอาการไหม้ของผิวหนังได้ทันท่วงที ทำให้เกิดบาดแผลน้อย และลดโอกาสเสี่ยงต่อการติดเชื้อ และถึงแม้วิธีการนี้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ก็ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว ทันใจ (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ เทคโนโลยี และประเภทของเครื่องฉายแสงที่จะไปกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันให้ทำปฏิกิริยากับผิว ฟัน คือใช้เวลาตั้งแต่ 30 นาที ถึง90 นาที)
ส่วน การฟอกสีฟันที่บ้านนั้น คนไข้สามารถทำได้ด้วยตนเอง เพราะน้ำยาฟอกสีฟันที่้ใช้นั้นมีความเข้มข้นต่ำกว่ามาก ดังนั้นจึงต้องใช้ระยะเวลายาวนานกว่าการฟอกสีฟันภายในคลินิก โดยปกติ คนไข้จะสวมถาดฟอกสีฟัน ซึ่งบรรจุน้ำยาฟอกสีฟันในระหว่างเวลานอน 6-8 ชั่วโมง ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือมากกว่านั้น หรือจนกว่าจะพอใจในผลลัพธืที่ได้ แต่มีข้อดีคือ ความสะดวกสบายของผู้ใช้ เพราะสามารถใช้ได้ทุกครั้งที่ต้องการ หรือเมื่อเห็นว่าฟันมีสีคล้ำลง (จากการรับประทานอาหารมีสีต่าง ๆ เช่น ชา กาแฟ โคล่า ไวน์แดง แกงที่มีส่วนผสมของขมิ้น หรือเครื่องเทศที่มีสี การสูบบุหรี่ ฯลฯ )
แต่ ในกรณีที่ฟันมีสีเข้มมาก ๆ หรือฟันที่มีสีเข้มจากการได้รับยาปฏิชีวนะ ประเภทเตตร้าไซคลิน (Tetracycline – การได้รับยาประเภทนี้ตั้งแต่ในวัยเด็ก จะทำให้ฟันมีสีเข้มมาก จนบางครั้งออกสีน้ำตาล หรือสีเทา) ทันตแพทย์จะแนะนำให้ใช้วิธีการฟอกสีฟันร่วมกัน กล่าวคือ ฟอกสีฟันในคลินิกก่อน หลังจากนั้นทันตแพทย์จะทำถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล เพื่อนำไปฟอกสีฟันต่อที่บ้าน โดยอาจใช้เวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ ถึง 3 เดือน หรือมากกว่า
การ ฟอกสีฟันด้วย Cool Light Whitening เป็นการฟอกสีฟันภายในคลินิก ด้วยการใช้เครื่องรุ่น Crystal 1200 ด้วยระบบแสง LED Whitening System ซึ่งมีข้อดีกว่าการใช้แสงประเภทอื่นคือ จะเกิดความร้อนในขณะที่ฟอกสีฟันน้อยมาก จึงทำให้มีผลข้างเคียง คืออาการเสียวฟันน้อยตามไปด้วย และแสง LED ( Light Emitting Diode) ได้ถูกออกแบบมาสำหรับการฟอกสีฟันโดยเฉพาะ นอกจากนี้ การออกแบบตัวเครื่องฟอกสีฟัน Crystal 1200 ให้มีลักษณะการส่องแสงโค้งไปตามแนวปาก ทำให้ตำแหน่งของการกระจายแสงเพื่อใช้ฟอกสีฟันสามารถครอบคลุมบริเวณฟันที่จะ ทำการฟอกได้มากที่สุด ที่สำคัญ การกระจายแสงตามแนวโค้งยังทำให้การกระตุ้นน้ำยาฟอกสีฟันมีการทำงานไ้ด้สมำ ่เสมอ ส่งผลให้สีของฟันมีความขาวเท่ากันทุก ๆ ซี่เช่นเดียวกัน (นอกจากนี้ความเปลียนแปลงของสีฟันขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายประการ เช่น อายุ และโครงสร้างของฟัน เป็นต้น)
สาร ไฮโดรเจนเปอร์อ็อกไซด์ในน้ำยาฟอกสีฟัน เมื่อถูกกระตุ้นด้วยแสงจากระบบ LED System จะแตกตัวออกเป็นอนุมูลอิสระ และอนุมูลอิสระดังกล่าวจะเข้าไปจับตัวกับโมเลกุลสีที่เกาะติดอยู่บนผิว เคลือบฟัน ทำให้โมเลกุลสีดังกล่าวหลุดออกจากผิวเคลือบฟัน ส่งผลให้ฟันมีสีขาวและสว่างขึ้นอย่างที่คุณต้องการหลังจากฟอกสีฟัน
ขั้นตอนในการฟอกสีฟัน
ลำดับ แรก ทันตแพทย์จะตรวจสุขภาพในช่องปาก โดยเฉพาะบริเวณเหงือกและฟันที่จะทำการฟอกสีฟัน เมื่อพิจารณาแล้วว่าสามารถฟอกสีฟันได้ ทันตแพทย์จะทำการขัดฟัน และทำการฟอกสีฟัน โดยจะมีวัสดุกั้นและปิดขอบเหงือกในบริเวณที่ติดกับคอฟัน เพื่อป้องกันไม่ให้เหงือกแตะโดนน้ำยาฟอกสีฟัน แล้วจึงป้ายน้ำยาฟอกสีฟันลงบนตัวฟัน ร่วมกับการกระตุ้นด้วยแสง Cool Light เป็นเวลา 10 นาที แล้วหยุดพักเพื่อเติมน้ำยาฟอกสีฟัน หลังจากนั้นจะฉายแสงซ้ำอีก จนครบ 30 นาที
หลัง จากนั้นทันตแพทย์จะล้างน้ำยาฟอกสีฟันออก และนำที่กั้นเหงือก พร้อมกับป้ายน้ำยาฟลูออไรด์เพื่อช่วยลดอาการเสียวฟัน เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการฟอกสีฟัน
สี ของฟันที่จะเปลี่ยนแปลง หรือขาวขึ้นภายหลังจากการฟอกสีฟันภายในคลินิกด้วยแสงคูลไลท์นั้น โดยปกติจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ 4 -15 เฉดสี แต่ทั้งนี้ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอย่างอื่นอีก คือ หากผู้เข้ารับการฟอกยังอายุน้อย โอกาสที่สีของฟันจะขาวขึ้นจะมีมากกว่าผู้ที่สูงวัยกว่า นอกจากนั้นยังขึ้นอยู่กับโครงสร้างและความหนาของชั้นเคลือบฟัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุของสีฟันที่เข้มขึ้น (หากการที่ฟันมีสีเข้มขึ้นจากการติดสีของเครื่องดื่ม อาหาร หรือการสูบบุหรี่ สีย่อมเปลี่ยนแปลงง่ายกว่าฟันที่เข้มเพราะได้รับยาปฏิชีวนะ) แต่ทั้งนี้ ในขั้นตอนของการตรวจสุขภาพในช่องปากก่อนทำการฟอกสีฟัน ทันตแพทย์จะเปรียบเทียบสีฟันก่อนทำการฟอก และประเมินหรือคาดการณ์สีฟันหลังฟอกให้คนไข้ได้ตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ไม่มีผู้ใดที่จะบอกได้ว่า ความขาวของสีฟันนั้นจะอยู่ที่ระดับใดได้อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากฟอกสีฟันด้วย Cool Light แล้ว สีฟันมักจะขาวขึ้นอีกประมาณ 30% ภายในระยะเวลา 1-7 วัน
ตารางเปรียบเทียบค่าความต่างของการฟอกสีฟันด้วยเทคนิคต่าง ๆ
เทคนิค | Time Need | Side Effect | สีฟันหลังฟอก | ราคา (บาท) |
Cool Light | 30 นาที | ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง อาจมีอาการเสียวฟันเพียงเล็กน้อย | 4-15 เฉด | 4,950 (ที่นี่!!) |
เลเซอร์ | 120 นาที | มักมีอาการเสีียวฟันเกิดร่วมด้วยเสมอ ทั้งระหว่าง และหลัง | 6-8 เฉด | ึ7,000-12,000 |
พลาสม่า | 90 นาที | มีอาการเสียวฟันมาก อาจต้องรับยาแก้ปวดร่วมด้วย | 5-8 เฉด | 5,000-9,000 |
ถาดฟอกสีฟันที่บ้าน | 2-3 สัปดาห์ขึ้นไป | มีอาการเสียวฟันน้อยมาก แต่ใช้เวลานาน | 0-6 เฉด | – |
ยาสีฟันฟอกฟันขาว | 1-2 เดือน | ไม่มี | 0-2 เฉด | – |
ส่วน ระยะเวลาที่สีของฟันซึ่งขาวขึ้นนั้น จะคงอยู่ตลอดไปหรือไม่นั้น เราต้องทราบก่อนว่า สีของฟันที่เปลี่ยนไป ก็คือสีธรรมชาติของฟันเรานั่นเอง การฟอกสีฟัน เป็นแต่วิธีการเผยความขาวกระจ่างใสของผิวฟันแท้ ๆ ของเรา ไม่ใช่การนำวัสดุอื่นมาปิด ทับ ลงบนฟันของเรา ดังนั้น โอกาสที่สีฟันของเราจะคล้ำขึ้น หรือเหลืองขึ้น จึงมีอยู่โดยธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากของเราอย่างสมำ่เสมอ เช่น หากยังนิยมดื่มชา กาแฟ สูบบุหรี่ ชอบดื่มน้ำโคล่า หรือไวน์แดง หรือยังชอบรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของขมิ้นหรือเครื่องเทศที่มีสีสันอยู่ ควรแปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารเหล่านั้น หรืออย่างน้อยควรได้บ้วนปากอย่างแรง ภายหลังจากการรับประทาน การดื่ม หรือการสูบบุหรี่ในทันที (และแปรงฟันทันทีที่มีโอกาสเช่นกัน) นอกจากนี้ยังต้องแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง พบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน อย่างน้อยทุก 3 หรือ 6 เดือน สีฟันหลังการฟอกก็จะคงอยู่กับเราได้เป็นปี ๆ (โดยปกติ จะอยู่ที่ 1 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแล)
(สี ฟัน ก่อนและหลังทำการฟอก เปรียบเทียบกับ Shade Guide จะเห็นว่าหลังการฟอก สีฟันขาวขึ้นมาก (ใน shade guide เป็นสีก่อนทำการฟอก/ ส่วนสีของผิวหน้าที่เห็นแตกต่างกัน เพราะก่อนทำการฟอก เวลาประมาณ 17.30 น. แต่เมื่อฟอกเสร็จเวลาประมาณ 18.15 น. มีการเปิดไฟภายในคลินิก จึงทำให้สีผิวแตกต่างกัน)
และ ภายหลังจากการฟอกสีฟัน ด้วย Cool Light แล้ว หากเราฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้านเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง หรือเมื่อเห็นว่าฟันมีสีที่คล้ำหรือเหลืองขึ้น ก็จะช่วยให้สีของฟันขาวน่าประทับใจอยู่ตลอดเวลา
ผลของการสำรวจระดับความพึงพอใจของผู้เข้ารับการฟอกสีฟันด้วย Cool Light Teeth Whitening
35% ใช้เวลาที่น้อยกว่า – ใช้เวลาเพียง 30 นาที และให้ความเปลี่ยนแปลง 4 – 15 เฉดสี.
73% รู้สึกว่าไม่มีอาการเสียวฟันในขณะที่ทำการฟอก และหลังจากการฟอกสีฟันเสร็จสิ้น
100% พึงพอใจกับการฟอกสีฟันด้วย Cool Light Teeth Whitening เมื่อประมวลทั้งผลลัพธ์ เวลา และอาการเสียวฟัน
ข้อควรปฏิบัติหลังการฟอกสีฟัน
– หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มและอาหารที่มีสีเข้ม เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม ไวน์แดง แกงเผ็ด แกงเขียวหวาน แกงไตปลา แกงฮังเล น้ำราดข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ มะตะบะ น้ำจิ้มหมูสะเต๊ะ (แบบครีม ซึ่งมีส่วนผสมของขมิ้น) น้ำพริกขนมจีน น้ำยาขนมจีน น้ำพริกเผา และอาหารที่มีส่วนผสมของเครื่องเทศที่มีสีเหลือง และสีน้ำตาล ประมาณ 48 ชั่วโมง หรือ 2 วัน
– หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำและเครื่องดื่มที่ร้อนจัด และเย็นจัด เพราะอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันได้ ประมาณ 24 ชั่วโมง
– หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ หลังจากฟอกสีฟันประมาณ 48 ชั่วโมง
– แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหารประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นอาจใช้วิธีบ้วนปาก หรือวิธีอื่นในการทำความสะอาดช่องปากหลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ที่มีสีทุกครั้ง