เพื่อให้การจัดฟันเป็นเรื่องสนุก ไม่น่าเบื่อ จึงอยากเสนอแนวทางความเข้าใจและการปฏิบัติตัวสำหรับคนไข้จัดฟัน
การประเมินระยะเวลาในการรักษา
การประเมินระยะเวลานั้นเป็นการประเมินอย่างคร่าว ๆ เท่านั้น ทันตแพทย์ไม่สามารถกำหนดเวลาที่แน่นอน เพราะระยะเวลาในการจัดฟันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างด้วยกัน ได้แก่
- การตอบสนองต่อการรักษา การเจริญเติบโต และพัฒนาการของกระดูกขากรรไกรและใบหน้า
- ความร่วมมือในการรักษาของคนไข้และการรักษานัด
- อายุของคนไข้หรือความรุนแรงของความผิดปกติของการเรียงฟัน
การเปลี่ยนแผนการรักษา
ในบางครั้งแผนการรักษาเบื้องต้นอาจต้องเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น การตอบสนองต่อการรักษา ความร่วมมือในการรักษา (ใช้เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์จัดฟันแนะนำ) เป็นต้น ซึ่งแผนการรักษา อาจเปลี่ยนจากไม่ต้องถอนฟัน เป็นต้องถอนฟัน หรือ จากการจัดฟันอย่างเดียวเป็นการจัดฟันร่วมกับการผ่าตัด
ข้อปฏิบัติระหว่างการจัดฟัน
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง, เหนียว และกรอบ ทั้งหลาย เช่น การเคี้ยวก้อนน้ำแข็ง ปลาหมึก ถั่ว ลูกอม ท้อฟฟี่ ข้าวเหนียว ไก่ย่าง หรือหมากฝรั่ง เพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดได้
- การรับประทานผัก ผลไม้ ควรตัดแบ่งเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ และเคี้ยวด้วยฟันกรามหลัง ควรเลือกรับประทานอาหารอ่อน ๆ
- ในระยะแรกของการจัดฟัน มักจะเจ็บฟัน และอาจมีแผลเกิดขึ้นในช่องปาก ซึ่งอาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงในสัปดาห์ที่ 2 วิธีลดการระคายเคืองทำได้โดยนำขี้ผึ้งที่ได้รับจากทันตแพทย์ทาปิดทับบริเวณเครื่องมือที่แหลมคม และการดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยทำให้แผลหในช่องปากหายได้เร็วขึ้น
- ถ้าลวดจัดฟันงอออกมาแทงริมฝีปากหรือกระพุ้งแก้ม ให้ใช้ของไม่มีคม เช่นยางลบปลายดินสอเช็ดแอลกอฮอล์กดปลายลวดเข้าไป
- แปรงฟันทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร เพื่อลดการเกิดฟันผุในระหว่างจัดฟัน
- ในระหว่างการจัดฟัน ควรพบทันตแพทย์เพื่อขูดหินปูน ทำความสะอาดฟัน และตรวจฟันผุทุก 6 เดือน
ความร่วมมือในการรักษาด้วยการจัดฟัน
สำคัญที่สุดในการจัดฟัน ได้แก่ การรักษาความสะอาด การดูแลเครื่องมือไม่ให้หักหรืองอ การใช้เครื่องมือประกอบเพื่อช่วยในการรักษา เช่น ยางคล้องฟัน เครื่องมือโอบรัดศรีษะ ซึ่งจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นการรักษาก็จะไม่มีวันเสร็จและอาจต้องถอดเครื่องมือออกทั้ง ๆ ที่ยังไม่เสร็จ
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดฟัน
- ฟันผุ เหงือกอักเสบ เกิดขึ้นได้เมื่อรักษาความสะอาดไม่ดีพอ ดังนั้นควรทำความสะอาดช่องปากทุกครั้งหลังอาหาร หรือใช้น้ำยาบ้วนปากผสมฟลูออไรด์วันละ 2 ครั้ง
- รากละลาย การเคลื่อนฟันทุกครั้งจะมีแรงกดบนรากฟันและจะเกิดการละลายของรากฟัน แต่ในปริมาณน้อยมาก และไม่เป็นอันตรายใด ๆ ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบ ดังนั้นการป้องกันการละลายตัวของรากฟันคือพยายามให้การรักษาสั้นที่สุด โดยมาตามนัดอย่างตรงเวลาทุกครั้ง ใช้เครื่องมือตามคำแนะนำ และรักษาความสะอาดในช่องปาก
- แผลในช่องปาก ให้ใช้ขี้ผึ้งตามคำแนะนำ ถ้าเจ็บมากให้ทายาที่แผลในปากได้
เลิกนิสัยที่มีผลต่อการสบฟันที่ผิดปกติ
แรงเพียงเบา ๆ ก็สามารถเคลื่อนฟันได้ และนิสัยที่ผิดปกติบางอย่างได้แก่ การดูดนิ้ว การหายใจทางปาก การเอาลิ้นดุนฟันขณะกลืนน้ำลายหรือขณะพูด นิสัยชอบกัดเล็บ เป็นต้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนสามารถผลักฟันให้เคลื่อนที่ได้เช่นกัน ซึ่งจะมีผลต่อการสบฟันที่ผิดปกติในอนาคต ดังนั้นผลการรักษาการจัดฟันจะดีได้ ต้องเลิกนิสัยเหล่านี้ให้หมดเสียก่อน
อาการที่มักพบหลังจากติดเครื่องมือจัดฟันในระยะแรก
มักจะมีแผลเกิดขึ้นเสมอ ซึ่งแผลดังกล่าวจะค่อย ๆ หายเองได้ภายใน 5 – 14 วัน ควรใช้ขี้ผึ้งเท่าเม็ดถั่วเขียว ปั้นเป็นท่อน ๆ มาปิดทับลวดจัดฟันบริเวณที่สัมผัสกับแผลเพื่อลดอาการระคายเคือง